สีประจำวัน

คนไทยนิยมการใส่เสื้อผ้าตามสีประจำวันมาตั้งแต่อดีต เพื่อให้ถูกกาลเทศะและถูกโฉลก โดยมีความเชื่อว่าสีประจำวันมีพลังอย่างหนึ่งในการกำหนดความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตมนุษย์ ในงานประพันธ์สำคัญเรื่องหนึ่งของสุนทรภู่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคติความเชื่อ และการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องเหมาะสมในสังคมไทยก็มีการกล่าวถึงเรื่องการใส่เสื้อผ้าตามสีประจำวัน 

 

สวัสดิรักษา เป็นบทประพันธ์ที่สุนทรภู่ใช้ถวายการสอนสมเด็จเจ้าฟ้าอาภรณ์พระเจ้าลูกยาเธอ ในรัชกาลที่ 2 โดยกล่าวถึงสีของเสื้อผ้าที่จะทรงในโอกาสออกไปรบทัพจับศึก กล่าวว่า 

 

อนึ่งภูษาผ้าทรงณรงค์รบ

ให้ครบเครื่องเสร็จทั้งเจ็ดสี 
วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี 

เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล 
เครื่องวันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว

จะยืนยาวชันษาสถาผล 
อังคารม่วงช่วงงามสีครามปน

เป็นมงคลขัตติยาเข้าราวี 
 

เครื่องวันพุธสุดสีด้วยสีแสด

กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี 
วันพฤหัสจัดเครื่องเขียวเหลืองดี

วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม 
วันเสาร์ทรงดำจึงล้ำเลิศ

แสนประเสริฐเสี้ยนศึกจะนึกขาม 
หนึ่งพาชีขี่ขับประดับงาม

ให้ต้องตามสีสรรพ์จึงกันภัยฯ 

 

การที่สุนทรภู่ประพันธ์ธรรมเนียมของสีเสื้อผ้าประจำวันได้ แสดงว่าในสมัยนั้นได้มีธรรมเนียมนี้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งแม้แต่ตำราพิชัยสงครามยังมีการกำหนดสีของเสื้อผ้าด้วย

 

การกำหนดสีเหล่านี้มีที่มาจากสีประจำกายของเทพยดานพเคราะห์ ได้แก่ กายสีแดงของพระอาทิตย์ กายสีนวลของพระจันทร์ กายสีม่วงครามของพระอังคาร กายสีเขียวหรือสีเลื่อมแสดของพระพุธ กายสีเลื่อมเขียวเหลืองของพระพฤหัส กายสีเมฆหมอกของพระศุกร์ และกายสีดำของพระเสาร์ ซึ่งสีประจำวันเหล่านี้ไม่เหมือนกับปัจจุบัน

การเปลี่ยนสีประจำวันมาเป็นสีสันที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คือ วันอาทิตย์สีแดง วันจันทร์สีเหลือง วันอังคารสีชมพู วันพุธสีเขียว วันพฤหัสบดีสีแสด วันศุกร์สีฟ้า วันเสาร์สีม่วง สันนิษฐานว่าเริ่มเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการรับธรรมเนียมตะวันตกเข้ามา

 

มีบางสีไม่ต้องด้วยความนิยมตามคติตะวันตก อย่างสีดำที่ไม่เป็นมงคลสำหรับชาวตะวันตก หรือมีบางสีที่ไม่ชัดเจนหรือมีความซ้ำซ้อน อย่างสีเลื่อมแสด สีเลื่อมเขียวเหลือง สีเมฆหมอก จึงได้เทียบเคียงหรือเปลี่ยนมาใช้สีที่เป็นโทนสีสากลแทน

 

ในสมัยรัชกาลที่ 5 ยังได้เริ่มประเพณีในราชสำนักที่นำธรรมเนียมการใช้สีประจำวันมากำหนด เช่น การใช้สีประจำพระองค์ของพระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์ และพระบรมวงศานุวงศ์ จะกำหนดตามวันพระราชสมภพ หรือวันประสูติของพระมหากษัตริย์ หรือเจ้านายแต่ละพระองค์

 

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ ทรงพระราชสมภพในวันอังคาร สีประจำพระองค์จึงเป็นสีชมพู เครื่องราชอิสริยาภรณ์พระจุลจอมเกล้าก็มีสายสะพานและแปรแถบของเครื่องราชฯ เป็นสีชมพูเช่นกัน

 

ธรรมเนียมยังสืบทอดมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชสมภพวันจันทร์ ในพระบรมนามาภิไธยย่อจะมีพื้นของดวงตราเป็นสีเหลือง สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงพระราชสมภพในวันศุกร์ ก็ทรงใช้สีฟ้าหรือสีน้ำเงินโทนเดียวกันเป็นสีประจำพระองค์ 

 

ความเปลี่ยนแปลงของโทนสีประจำวัน มาได้รับการเน้นย้ำความสำคัญในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งมีพระราชนิยมกำหนดให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร ตลอดจนสุภาพชนแต่งกายด้วยสีตามวัน

 

โดยมีการสอนเรื่องสีประจำกันในโรงเรียนให้ท่องจำมาตั้งแต่เด็กเล็ก ซึ่งยังคงมีผลในทางวัฒนธรรมและวัตรปฏิบัติของคนไทยมาจนถึงปัจจุบัน จึงยังมีความนิยมการใส่เสื้อผ้าหรือเลือกใช้สิ่งของต่างๆ ตามสีปัจจุบันวันในสังคมให้เห็นอยู่ทั่วไป