คอลัมน์ถามตอบปัญหาไทยศึกษาประจำฉบับนี้ได้รับคำถามจากนักวิจัยแลกเปลี่ยนชาวแมกซิกัน 2 คน คืออาจารย์ Maricela Reyes จากมหาวิทยาลัย Universidad de Colima และอาจารย์ Maria de Las Nieves Ivonne Delgado จากมหาวิทยาลัย Universidad Justa Sierra ได้ตั้งคำถามเรื่องศาลพระภูมิและความสำคัญของศาลพระภูมิในสังคมและวัฒนธรรมไทย คณะผู้จัดทำจึงได้รวบรวมความรู้เรื่องศาลพระภูมิมาดังนี้
ความเชื่อเรื่องพระภูมิเจ้าที่มีรากฐานความเชื่อมาจากการนับถือผีบรรพบุรุษ คือญาติผู้ใหญ่ ได้แก่ปู่ย่าตายายซึ่งตายไปแล้ว และด้วยความอาลัยรักแม้บรรพบุรุษเหล่านี้จะตายไปแล้วลูกหลานก็ยังระลึกถึง ท่านจึงอยู่เป็นผีประจำอยู่ในเรือน คอยดูแลเอาใจใส่ การเลี้ยงผีบรรพบุรุษปรากฏอยู่ในสังคมและวัฒนธรรมไทยทั่วทุกภาค เห็นได้ชัดจากเหนือเรียกผีปู่ย่า ภาคอีสานเรียกผีปู่ตา ภาคกลางเรียกผีปู่ย่าตายาย ภาคใต้เรียกผีตายาย ส่วนที่สถิตของวิญญาณผีปู่ย่านั้นก็มีคติของแต่ละภาคเช่นกัน ภาคเหนือจะสร้าง “หิ้งผี” ไว้ที่หัวนอนเพื่อให้เป็นที่วางดอกไม้บูชาผีบรรพบุรุษ ดอกไม้ที่วางทุกวันนี้เมื่อลูกหลานคนใดจะแยกเรือนออกไปก็จะ “แบ่งผี” คือเอาบางส่วนของดอกไม้นี้ไปกราบไหว้เหมือนได้นำผีบรรพบุรุษไปกราบไหว้ที่เรือนของตน
นอกจากผีปู่ย่าตายแล้ว ก็ยังมีผีเรือนอยู่ด้วย ผีปู่ย่าหรือผีเรือนจะเป็นผีอย่างเดียวกันหรือต่างกันก็แล้วแต่ นอกจากนี้ยังมีผีเจ้าที่ซึ่งในภาคกลางเรียกว่าพระภูมิ พระภูมิคงเป็นคำเขมรโดยยืมคำบาลมาใช้อีกทอดหนึ่ง เพราะทางอินเดียไม่ปรากฏว่ามีคำพระภูมิใช้เกี่ยวกับเรื่องพระภูมิ สำหรับเรื่องสัณฐานของศาลพระภูมิที่มีเสาเดียวนั้น สันนิษฐานว่ามาจากสัณฐานของศาลพระภูมินาหรือศาลเพียงตาที่มีเสาเดียว เมื่อทำต่อมาในยุคหลังจึงทำตามๆกันเป็นเสาเดียวเหมือนต้นแบบ
ศาลพระภูมินั้นแต่เดิมทำด้วยไม้ มีพื้นลดหลั่นกันเป็นสองชั้น ชั้นบนเป็นที่ตั้งรูปเจว็ดของท่าน (แผ่นไม้รูปคล้ายใบเสมา เขียนเป็นรูปพระภูมิชัยมงคลตั้งประจำศาลพระภูมิ – ราชบัณฑิตยสถาน, 2556:334) ชั้นล่างเป็นที่วางเครื่องสังเวย ซึ่งแต่เดิมเห็นจะเป็นที่วางเครื่องสังเวยสิ่งละอันพันละน้อย ภายหลังมีไก่ หัวหมู ปลาแป๊ะซะ และอะไรอีกมากมายตามความเจริญของเรื่องเหล่านั้น โดยเฉพาะที่อยู่ในเมืองจึงต้องมีโต๊ะตั้งเป็นพิเศษ วิวัฒนาการของศาลพระภูมิที่ภายหลังนิยมสร้างด้วยซีเมนต์เพราะศาลที่เป็นไม้มักจะโดนปลวกกัดกินเสียหาย เมื่อเปลี่ยนวัสดุในการสร้างเป็นปูนซีเมนต์ ศาลพระภูมิในสมัยปัจจุบันจึงมีความสวยงาม ทำให้มีลักษณะเป็นยอดวิมานอย่างที่อยู่ของเทวดา เมื่อที่สถิตมีการปรับรูปร่างก็เลยทำให้สถานภาพของพระภูมิเจ้าที่ยกระดับเป็นเทวดาหรือแม้กระทั่งหัวหน้าเทวดาไป
นอกจากพระภูมิเจ้าที่ยังมีผีอื่นๆที่สถิตตามที่ต่างๆ ทั้งผีดีและผีร้าย เป็นต้นว่าผีนางไม้ ผีนางตานี รุกขเทวดา ผีเสาเอก โดยเอามีผ้าผูกให้รู้ว่าเป็นที่สถิตของผี บริเวณเหล่านี้ถ้าไม่จำเป็นมนุษย์ก็มักจะหลีกเลี่ยงไม่ไปเกี่ยวข้องด้วย แต่ประสบคราวเคราะห์หรือจำเป็นต้องผ่านบริเวณนั้นก็มักจะไปกราบไหว้ขอให้คุ้มครอง ถ้าไม่ได้ทำก็จะรู้สึกไม่สบายใจ
รายการอ้างอิง
ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, 2556.
เสฐียรโกเศศ [พระยาอนุมานราชธน]. การศึกษาเรื่องประเพณีไทยและชีวิตชาวไทยสมัยก่อน. พระนคร: คลังวิทยา, 2515.
(ตีพิมพ์ใน สารไทยศึกษา ปีที่ 16 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม – กันยายน 2558)