เป็นนิทานที่มาจากตำนานท้องถิ่น ว่าด้วยประวัติการเล่นจาโต หรือหมากรุก ซึ่งมีมาแต่ครั้งพระเจ้าซิยง กษัตริย์ครองเมืองบันนังสตาซาเร็ง เมื่อหลายชั่วอายุคนมาแล้ว พระเจ้าซิยงนั้นเป็นกษัตริย์ที่มีหน้าตาคล้ายหนุมาน เรียกกันว่า บาเต๊าะ คือมีเขี้ยว มีหาง เดิมพระเจ้าบันนังซาเร็ง มีพระธิดาองค์หนึ่ง พระองค์ได้ประกาศว่า ถ้าใครสามารถขึ้นต้นซาเร็งได้สูงสุดจะยกธิดาให้ ต้นซาเร็งนี้สูงมาก คนธรรมดาไม่สามารถขึ้นได้ หากใครขึ้นได้จะได้แต่งงานกับธิดาของพระเจ้าบันนังซาเร็งและได้เป็นกษัตริย์ของครองเมือง
พระเจ้าซิยงนั้นไม่ใคร่ยอมให้ใครเห็นหน้า จึงสร้างที่พักอยู่สูง ชอบกินตับแพะ เมื่อไม่มีแพะก็ให้ราษฎรนำเด็กมาถวายวันละคน จนราษฎรเหลือน้อยลงทุกวัน ๆ อำมาตย์จึงคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้พระเจ้าซิยงกินมนุษย์อีกต่อไป ในที่สุดพวกเสนาอำมาตย์ได้วางแผนคิดเล่นหมากรุกขึ้น ขณะที่อำมาตย์เล่นหมากรุกกันอยู่นั้นพระเจ้าซิยงก็นั่งดูอยู่ด้วย เมื่อเล่นไปปรากฏว่าฝ่ายตรงข้ามกับอำมาตย์ชนะ ฝ่ายอำมาตย์เหลือแต่ขุน (คือกษัตริย์) จึงจนมุมไม่สามารถแก้ปัญหาได้ พระเจ้าซิยงจึงได้ความคิดว่า ถ้าเรากินราษฎรหมดแล้วจะไปสู้รบกับศัตรูได้อย่างไร พระเจ้าซิยงจึงเกิดความรักราษฎรไม่กินราษฎรอีกต่อไป และได้ปกครองบ้านเมืองอย่างเป็นสุข
ข้อคิด นิทานเรื่องนี้เป็นนิทานตำนาน บอกที่มาของการเล่นจาโตหรือหมากรุก ให้ข้อคิดที่ดีในด้านการปกครอง นั่นคือ คนที่เป็นผู้นำในการปกครองบ้านเมืองต้องมีความเมตตากรุณาและเห็นความสำคัญของประชาชนพลเมืองผู้อยู่ใต้การปกครอง สังคมจึงจะมีความสงบสุขร่มเย็น