มัรกัสหรือที่เรียกติดปากว่า “มัรกัสยะลา” (Markaz) เป็นอีกหนึ่งชุมชนมุสลิมในเมืองยะลา ตั้งอยู่ ม.3 บ้านเปาะยานิ ต.สะเตงนอก มัรกัสอยู่ติดกับชุมชนตลาดเก่า สามารถเข้าถึงได้ทางซอยสิโรรส 4 หรือสิโรรส 10 หรือเข้าทางซอยร้านโรตีจำปาได้ ชุมชนมัรกัสก่อตั้งขึ้นหลังการสร้างมัสยิดอันนูร เมื่อประมาณทศวรรษ 2530 ในอดีตเป็นที่ดินรกร้าง แต่เมื่อมีการสร้างมัสยิดขนาดใหญ่ขึ้นในละแวก ชุมชนก็เกิดขึ้นตามมา มัรกัสยะลาเป็นศูนย์กลางในการพบปะทำกิจกรรมของพี่น้องมุสลิมสายดะวะห์ตับลีฆ (Dakwah Tabliqh) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศกลุ่มดะวะห์เป็นกลุ่มคนมุสลิมที่ได้รับอิทธิพลในการใช้ชีวิตมาจากมุสลิมในเอเชียใต้ ในแต่ละปีกลุ่มมุสลิมสายดะวะห์จะรวมตัวกันจำนวนมากเพื่อทำพิธีกรรมทางศาสนา เรียกว่า “โยร์” มัรกัสยะลาเกิดขึ้นมาเนื่องจากพี่น้องสายดะวะห์ต้องการรวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรม “โยร์”
การรวมตัวกันครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2525 โดยพิธีจัดขึ้นที่มัสยิดกลาง แต่เนื่องด้วยมัสยิดกลางไม่สามารถรองรับคนเรือนหมื่นได้ จึงมีการหาที่ดินว่างเปล่าและได้สร้างมัสยิดอันนูรหรือมัสยิดมัรกัสยะลาขึ้น เพื่อรองรับการรวมตัวของคนจำนวนมาก มัสยิดมัรกัสยะลาสามารถรองรับผู้คนได้กว่า 40,000 คน อนึ่ง คำว่า “มัรกัส” หมายถึง “ศูนย์กลาง” ในภาษาอาหรับ
นอกจากนี้ มัรกัสยังมีโรงเรียนฮาฟิซมัรกัส เป็นสถาบันสอนท่องจำอัลกุรอ่านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สถาบันแห่งนี้ผลิตกอรีย์ (นักท่องจำอัลกุรอ่าน) มาแล้วมากมาย หากไปดูที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาที่เปิดโปรแกรมท่องจำอัลกุรอ่านควบคู่กับการเรียนสามัญ (Tahfiz Science) ผู้สอนมักจะจบจากสถาบันนี้ ในเดือนรอมฎอน ที่ทุกมัสยิดจะจัดละหมาดยามค่ำคืน ซึ่งจำเป็นต้องมีผู้นำละหมาด (อิหม่าม) ที่ท่องจำอัลกุรอ่านได้ ศิษย์จากสถาบันแห่งนี้ก็จะกระจายไปเป็นอิหม่ามนำละหมาดไปทั่วประเทศ และไม่ใช่เพียงแต่ในไทยเท่านั้น แต่ไปไกลถึงมาเลเซียและสิงคโปร์
ย้อนไปเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ด้วยความที่มัรกัสมีภาพลักษณ์เป็นศูนย์กลางทางศาสนาอิสลามในพื้นที่ จึงทำให้รอบ ๆ มัรกัสมีร้านจำหน่ายเครื่องแต่งกายแบบอิสลามครบวงจร ทั้งเสื้อมลายู เสื้อโต๊ปแบบอาหรับ เสื้อแบบปากีสถาน หมวก น้ำหอมอินเดีย/อาหรับ ตำราวิชาอิสลามศึกษา กระทั่งร้านอาหารที่มีความเป็นอินเดียแท้ ๆ ซึ่งหาไม่ได้ง่ายนักในเวลานั้น จนเกิดเป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ในทุกคืนวันศุกร์ กล่าวได้ว่า ในอดีตมัรกัสเป็นแหล่งเครื่องแต่งกายมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทว่าน่าเสียดายที่ปัจจุบันไม่มีภาพดังกล่าวให้เห็นแล้ว เนื่องจากมีจุดเปลี่ยนสำคัญคือ ได้มีการจัดตลาดนัดสิบคืนสุดท้ายรอมฎอนบริเวณถนนเลียบคลองหลังมัสยิดกลางตลาดเก่า โดยมีมัสยิดกลางกับชุมชนต่าง ๆ ในตลาดเก่าเป็นเจ้าภาพ ตลาดนัดสิบคืนสุดท้ายรอมฎอนเป็นที่ดึงดูดใจแก่ชาวบ้านอย่างมาก เจ้าของกิจการในมัรกัสต่างยกร้านออกไปขายที่ตลาดนัดสิบคืนสุดท้าย จากนั้นก็เริ่มมีร้านขายเครื่องแต่งกายมุสลิมเปิดมากขึ้นบนเส้นถนนใหญ่สิโรรสตลาดเก่า นับแต่นั้น ร้านค้าในละแวกมัรกัสก็ซบเซาลงเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันมัรกัสจะไม่ใช่ศูนย์กลางเสื้อผ้าอิสลามเหมือนอดีตแล้ว แต่ชาวบ้านมัรกัสก็ยังมีภาพลักษณ์เป็นคนเคร่งศาสนาอยู่เช่นเดิม จุดเด่นของชาวมัรกัสคือผู้ชายมักจะใส่เสื้อแบบอิสลามในการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนผู้หญิงเกือบทั้งหมดสวมนิกอบ (ผ้าคลุมแบบปิดบังใบหน้า) ช่วงโควิดระบาดที่ผ่านมามีประเด็นใหญ่ที่มัรกัส เนื่องจากมัรกัสกลายเป็นพื้นที่ระบาดขนาดใหญ่ เพราะชาวมัรกัสไม่กลัวโรคโควิด-19 กล่าวคือ พวกเขาไม่มีการป้องกัน ไม่ใส่ทั้งหน้ากากอนามัยและไม่ฉีดวัคซีน โดยเชื่อว่าโรคระบาดมาจากพระเจ้า หากพระเจ้าไม่ประสงค์ให้ติดเชื้อ ก็ไม่ติด หากพระเจ้าประสงค์ให้ติดเชื้อ จะป้องกันขนาดไหนก็ติดเชื้อ เป็นแนวคิดความเชื่อที่ประชาชนทั่วไปแม้เป็นชาวมุสลิมด้วยกันฟังแล้วก็ยังงง